การวิเคราะห์และการประเมินโครงสร้างโครงถัก (TRUSS)

สวัสดีครับ บ่ายนี้ก็อยู่กับ Mr.เสาเข็มพร้อมความรู้เกี่ยวกับการก่อสร้างและวิศวกรรมนะครับ วันนี้จะเป็นเรื่องของการวิเคราะห์และการประเมินโครงสร้างโครงถัก (TRUSS)
spun micro pile micro spunspun micro pile micro spunspun micro pile micro spunspun micro pile micro spun

ก่อนอื่นขออธิบายถึง สมการ และ หลัก ในการประเมินโครงสร้างเสียก่อนนะครับ เนื่องจากสมมติฐานของการวิเคราะห์โครงถักที่เราใช้งานกันอยู่ คือ จุดต่อทุกจุดต่อนั้นเป็นจุดต่อแบบ ยึดหมุน (PINNED) ทำให้โครงสร้างโครงถักนั้นมีข้อแม้ง่ายๆ ว่าการที่โครงถักนั้นจะมีเสถียรภาพอยู่ได้นั้นจะต้องสามารถต้านทานโมเมนต์ดัดที่เกิดขึ้นภายใน (INTERNAL MOMENT) ตัวของโครงสร้างโครงถักเองได้ ซึ่งการจะทำให้เกิดสภาวะเช่นนี้ได้แสดงว่าจุดต่อทุกจุดต่อจะต้องประกอบเข้าด้วยกันเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่เป็น รูปสามเหลี่ยม นั่นเองนะครับ

หากว่าเรามีสมการตัวที่เราไม่ทราบค่า (UNKNOWN VALUES) น้อยกว่า ตัวแปรที่เราทราบค่า (KNOWN VALUES) แสดงว่าโครงสร้างจะไร้ซึ่งเสถียรภาพ (INSTABILITY) นะครับ

หากว่าเรามีสมการตัวที่เราไม่ทราบค่า (UNKNOWN VALUES) เท่ากันกับ ตัวแปรที่เราทราบค่า (KNOWN VALUES) แสดงว่าโครงสร้างจะมีเสถียรภาพเพียงพอ (STABLE) และ สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยวิธีอย่างง่าย (DETERMINATE) นะครับ

หากว่าเรามีสมการตัวที่เราไม่ทราบค่า (UNKNOWN VALUES) มากกว่า ตัวแปรที่เราทราบค่า (KNOWN VALUES) แสดงว่าโครงสร้างจะมีเสถียรภาพเพียงพอ (STABLE) แต่ ต้องทำการวิเคราะห์ด้วยวิธีอย่างยาก (INDETERMINATE) นะครับ

สำหรับโครงถักนั้นตัวแปรที่เราไม่ทราบค่า (UNKNOWN VALUES) จะได้แก่ แรงภายในของชิ้นส่วน และ แรงปฏิกิริยายา ของจุดรองรับนะครับ โดยที่เราจะให้ค่า b เท่ากับ จำนวนชิ้นส่วน และ ให้ค่า r เท่ากับ จำนวนแรงปฏิกิริยา ดังนั้นค่าที่เราไม่ทราบทั้งหมดจะมีค่าเท่ากับ b + r

สำหรับตัวแปรที่เราทราบค่า (KNOWN VALUES) จะได้แก่ สมการสมดุลที่จุดต่อแต่ละจุด ซึ่งมีสมการสมดุลใน แนวดิ่ง และ แนวราบ ทั้งหมดเท่ากับ 2 สมการ ต่อ 1 จุดต่อ ดังนั้นเราจะให้ค่า j เท่ากับ จำนวนจุดต่อนะครับ ดังนั้นค่าที่เราทราบทั้งหมดจะมีค่าเท่ากับ 2j

โดยหากเรียบเรียงประโยคข้างต้นเสียใหม่ เราอาจจะทำการเขียนใหม่ได้ว่า

b + r < 2 j (UNSTABLE)
b + r = 2 j (STABLE & DETERMINATE)
b + r > 2 j (STABLE & INDETERMINATE)

หากดูรูปที่ 1 จะพบว่าผมมีโครงถักแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 กรณี ตั้งแต่ A B C และ D เราจะมาดู ตย เหล่านี้ทีละรูปๆ ก็แล้วกันนะครับ

ในรูปที่ 2 เป็นคำอธิบายของโครงถัก (A) ในรูปที่ 1 นะครับ คือ โครงถักจะถูกรองรับด้วย จุดรองรับแบบหมุนได้ (PINNED SUPPORT) 1 จุด และ จุดรองรับแบบเคลื่อนที่ได้ (ROLLER SUPPORT) อีก 1 จุด ดังนั้นค่า b = 7 ค่า r = 3 และ j = 5 ทำให้สมการในการตรวจสอบโครงสร้างของเราออกมาเป็น

b + r = 7 + 3 = 10 เท่ากันกับ 2 j = 2 x 5 = 10

แสดงว่าโครงสร้างโครงถัก (A) นั้น มีเสถียรภาพเพียงพอ (STABLE) และ สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยวิธีอย่างง่าย (DETERMINATE) นะครับ

ในรูปที่ 3 เป็นคำอธิบายของโครงถัก (B) ในรูปที่ 1 นะครับ คือ โครงถักจะมีจุดรองรับทั้งหมดเป็น จุดรองรับแบบหมุนได้ (PINNED SUPPORT) ซึ่งค่า r จะเพิ่มขึ้น 1 หน่วย ดังนั้นค่า b = 7 ค่า r = 4 และ j = 5 ทำให้สมการในการตรวจสอบโครงสร้างของเราออกมาเป็น

b + r = 7 + 4 = 11 มากกว่า 2 j = 2 x 5 = 10

แสดงว่าโครงสร้างโครงถัก (B) นั้น มีเสถียรภาพเพียงพอ (STABLE) แต่ ต้องทำการวิเคราะห์ด้วยวิธีอย่างยาก (INDETERMINATE) นะครับ

ในรูปที่ 4 เป็นคำอธิบายของโครงถัก (C) ในรูปที่ 1 นะครับ ในรูปนี้ชิ้นส่วน TOP CHORD จะหายไป 1 ชิ้น ทำให้ค่า b ลดลงไป 1 หน่วย และ ตัวโครงถักจะถูกรองรับด้วย จุดรองรับแบบหมุนได้ (PINNED SUPPORT) 1 จุด และ จุดรองรับแบบเคลื่อนที่ได้ (ROLLER SUPPORT) อีก 1 จุด ดังนั้นค่า b = 6 ค่า r = 3 และ j = 5 ทำให้สมการในการตรวจสอบโครงสร้างของเราออกมาเป็น

b + r = 6 + 3 = 9 น้อยกว่า 2 j = 2 x 5 = 10

แสดงว่าโครงสร้างโครงถัก (C) นั้น มีพฤติกรรมทางด้านเสถียรภาพที่ไม่เพียงพอ (UNSTABLE) นั่นเองนะครับ

สำหรับโครงถัก (D) ในรูปที่ 1 นี้ชิ้นส่วน TOP CHORD เองก็จะหายไป 1 ชิ้น ทำให้ค่า b ลดลงไป 1 หน่วย ถึงแม้ว่าเราจะทำให้โครงถักนั้นมีจุดรองรับทั้งหมดเป็น จุดรองรับแบบหมุนได้ (PINNED SUPPORT) ซึ่งค่า r จะเพิ่มขึ้นอีก 1 หน่วย ซึ่งจะทำให้ค่า b = 6 ค่า r = 4 และ j = 5 ทำให้สมการในการตรวจสอบโครงสร้างของเราออกมาเป็น

b + r = 6 + 4 = 10 เท่ากันกับ 2 j = 2 x 5 = 10

แต่ เนื่องจากรูปแบบของการถักชิ้นส่วนของตัวโครงถักนี้จะไม่สามารถต้านทานโมเมนต์ดัดที่เกิดขึ้นภายใน (INTERNAL MOMENT) ตัวของโครงสร้างโครงถักเองได้ ซึ่งจะถือว่าเป็นการขัดกับหลักสมมติฐานที่เราใช้ในการวิเคราะห์โครงสร้างโครงถักของเรานะครับ ก็ต้องถือว่าโครงสร้างนี้มีพฤติกรรมทางด้านเสถียรภาพที่ไม่เพียงพอ (UNSTABLE) อยู่ดีนั่นเองนะครับ

หวังว่าความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมได้นำมาฝากแก่เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านในวันนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับ

ref : https://www.facebook.com/bhumisiam/posts/1526033147442805

BSP-Bhumisiam
ผู้ผลิตรายแรก Spun MicroPile
1) ได้รับมาตรฐาน มอก. 397-2524 เสาเข็ม Spun MicroPile Dia 21, 25, 30 cm.
2) ผู้ผลิต Spun MicroPile ที่ได้รับ Endorsed Brand
รับรองคุณภาพมาตรฐานจาก SCG
3) ผู้นำระบบ Computer ที่ทันสมัยผลิต เสาเข็ม Spun MicroPile
4) ลิขสิทธิ์เสาเข็ม Spun MicroPile
5) เทคโนโลยีการผลิต จากประเทศเยอรมัน
6) ผู้ผลิต Spun MicroPile แบบ “สี่เหลี่ยม”
7) การผลิตคอนกรีตและส่วนผสม ใช้ Program SCG-CPAC

เสาเข็ม สปันไมโครไพล์ ช่วยแก้ปัญหาได้เพราะ
1) สามารถทำงานในที่แคบได้
2) ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะทางเสียง
3) หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน
4) สามารถรับน้ำหนักได้ 20-50 ตัน/ต้น ขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินแต่ละพื้นที่
5) สามารถตอกชิดกำแพง ไม่ก่อให้โครงสร้างเดิมเสียหาย

สนใจติดต่อสินค้า เสาเข็มสปันไมโครไพล์ มาตรฐาน มอก. โทร
081-634-6586
082-790-1447
082-790-1448
082-790-1449